สารบัญ
- 1 เนื้อเรื่องเกม God of War Ragnarok
- 2 กลางวัน กลางคืน
- 3 สังหาร Heimdall
- 4 รวมรวบหน้ากาก
- 5 เตือนสติ
- 6 ความสูญเสีย
- 7 ขอโทษที่เป็นต้นเหตุของความสูญเสีย
- 8 รวบรวมพันธมิตร
- 9 ต้นกำเนิด Ragnarok
- 10 แม่ทัพผู้นำออกศึกสงคราม
- 11 เข้าสู่สงคราม
- 12 กว่าจะได้สติทุกอย่างก็มาถึงจุดจบแล้ว
- 13 ต่อสู้กับ Odin
- 14 โชคชะตาที่กำหนดเอง
- 15 จุดจบคือ จุดเริ่มต้น
กลับมาติดตามอ่านกันต่อสำหรับ เนื้อเรื่องเกม God of War Ragnarok – Part 2 ซึ่งในส่วนที่ 2 นี้จะเป็นส่วนสุดท้ายของเนื้อเรื่องหลักทั้งหมดแล้ว ถ้าหากท่านใดที่ยังไม่ได้อ่าน เนื้อเรื่องเกม God of War Ragnarok – Part 1 ก็สามารถย้อนกลับไปหาอ่านกันได้ก่อนด้านล่างนี้
นอกจากเนื้อเรื่องเกม God of War Ragnarok แล้วเรายังได้ทำ รีวิวเกม God of War: Ragnarok เอาไว้ให้อ่านกันด้วย ถึงแม้ว่าเกมจะเปิดตัวมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว แต่เราก็เชื่อว่าอาจจะมีท่านที่ยังไม่ได้เล่นและอยากอ่านเนื้อเรื่องของเกมด้วยเช่นกัน
เนื้อเรื่องเกม God of War Ragnarok
กลางวัน กลางคืน
Kratos และ Atreus ได้ตามมายัง Vanaheim เพื่อไปช่วย Freya อีกแรง โดยในระหว่างทางทั้งคู่ก็ได้พบเจอเข้ากับหมาป่าตามคำทำนายที่มันหยุดออกล่าดวงจันทร์ไปแล้วเพราะดวงจันทร์นั้นได้หายไป ทำให้หมาป่าทั้งสองตัวไม่มีอะไรให้วิ่งไล่ Kratos และ Atreus จึงได้ช่วยเหลือหมาป่าที่นอนนิ่งเพราะไม่มีดวงจันทร์ให้วิ่งไล่ตาม
ทั้งคู่จึงได้ออกตามหาดวงจันทร์กลับมาอีกครั้ง เพื่อให้หมาป่าทั้ง 2 ได้วิ่งไล่ล่าดวงจันทร์และทำให้เกิดกลางวัน/กลางคืน กลับมาเป็นดังเดิมอีกครั้ง เมื่อช่วยให้กลางวันและกลางคืนกลับมาเป็นดังเดิมได้แล้วเราจะได้ของขวัญตอบแทนจากหมาป่า โดยเป็นของวิเศษที่จะสามารถเปลี่ยนกลางวัน/กลางคืนได้ ตามที่เราต้องการ หลังจกานั้นทั้งคู่ก็กลับมายังแคมป์มาเจอกัน Freya และตามนางไปช่วยน้องชาย
สังหาร Heimdall
เมื่อ Kratos และ Freya เดินทางมาถึงวิหารที่คิดว่าเป็นสถานที่ ที่น้องชายของนางถูกจับตัวไว้และพร้อมที่จะเข้าไปช่วยเขาออกมา ทันใดนั้นบุคคลที่เราไม่คาดคิดก็ปรากฏกายออกมาพร้อมกับสัตว์ขี่ประจำตัวของเขา Heimdall และเราจได้สู้กับเขาในที่สุด ซึ่งเราจะสามารถสู้กับ Hiemdall ด้วยการใช้หอกแห่งลม Draupnir เพียงเท่านั้น
จนกระทั่งเราสามารถสังหาร Heimdall ได้ในที่สุด และ Kratos ก็ได้หยิบแตรที่มีชื่อว่า “Gjallarhorn” ที่อยู่ติดกับตัว Heimdall กลับไปด้วย แตร Gjallarhorn เป็นแตรวิเศษที่ Odin มอบให้ Heimdall เป็นผู้ดูแลเพราะคิดว่าไม่น่าจะมีใครสามารถทำร้ายหรือสังหารเขาได้แน่นอนเพราะ Heimdall มีตาทิพย์ที่มองเห็นได้ทุกอย่างและล่วงรู้อนาคตอันใกล้ได้
หลังจากที่เราสามารถสังหาร Heimdall ลงได้แล้วเราก็ได้ตาม Freya ไปช่วย Freyr น้องของเธอต่อจนสามารถช่วยเหลือเขาออกมาจากที่คุมขังได้สำเร็จ และเราทั้งหมดก็จะต้องรีบหนีออกไปจากสถานที่นั้นให้เร็วที่สุด เพื่อกลับไปตั้งหลักที่แคมป์อีกครั้งด้วยเรือเหาะของ Freyr
Kratos และ Atreus กลับมารวมตัวกันอีกครั้งที่บ้านของ Sindri เพื่อพูดคุยกันอย่างพร้อมหน้าและ Kratos ก็ได้หยิบแตร Gjallarhorn ออกมาวางไว้บนโต๊ะทำให้ทุกคนต่างก็รู้ได้ทันทีว่า Heimdall ถูกสังหารแล้วและนี้ อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดสงครามเกิดเร็วขึ้นไปอีก
เมื่อเห็นดังนั้นแล้ว Atreus จึงพูดถึงเรื่องหน้ากากที่ Odin กำลังสนใจอยู่และบอกกับทุกคนว่า เรื่องนี้อาจเป็นทางออกของปัญหาก็ได้ ถ้าหากเขาสามารถรวบรวมเศษชิ้นส่วนของหน้ากากทั้งหมดมาได้และสามารถล่วงรู้ถึงคำตอบที่อาจจะสามารถช่วยให้ไม่เกิดสงครามในครั้งนี้ได้สำเร็จ Atreus จึงได้บอกกับ Kratos ไปตรงๆ ว่าครั้งนี้เขาขอกลับไปหา Odin อีกครั้งเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
รวมรวบหน้ากาก
Atreus ต้องเดินทางกลับไปยังอาณาจักร Asgard เพียงคนเดียวและเขาก็จำได้ว่า Odin เคยบอกว่านก Raven ของ Odin จะคอยอยู่ที่กระท่อมในบ้านเสมอ หาก Atreus ต้องการจะกลับไปยัง Asgard อีกครั้ง เมื่อเดินทางมาถึงยังกระท่อมใน Midgard แล้ว Atreus ก็ได้พบกับ Angrboda และ Fenrir ที่ดูเหมือนจะมารอพบเจอกับ Atreus และพวกเขาก็ได้พูดคุยกัน Angrboda รู้สึกค่อนข้างประหลาดใจเมื่อรู้ว่า Atreus กำลังจะเดินทางกลับไปยังอาณาจักร Asgard อีกครั้งเพื่อช่วยให้ Odin สมดังปราถนา เมื่อพูดคุยกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกกันไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
Atreus เดินทางมาถึงยัง Asgard อีกครั้งและได้เข้าไปพบกับ Odin แต่ดูเหมือนว่า Odin จะรู้แล้วว่า Heimdall ถูกสังหารตายไปแล้ว Odin จึงได้สอบถาม Atreus ไปแบบตรงๆ ว่ารู้รึปล่าวว่าใครเป็นคนสังหาร Heimdall ทำให้ Atreus ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องดังกล่าวและต้องปฏิเสธทุกคำถามที่ Odin ถามมาและบ่ายเบี่ยงบอกไปว่าอาจจะเป็น Thor รึปล่าวที่เป็นคนสังหาร Heimdall เพราะ Heimdall ชอบไปทำร้ายจิตใจ Thrúd ลูกของ Thor
Odin จึงตัดจบบทสนทนาและพอจะเดาออกว่า ถึงแม้ว่าจะถาม Atreus ไปก็คงไม่ได้ความจริงกลับมาอยู่ดี Odin ก็เชื่อว่า Kratos คงเป็นคนสังหาร Heimdall อย่างแน่นอน และ Odin ก็เริ่มกลับมาที่เรื่องของหน้ากากอีกครั้ง และ Atreus ได้บอกกับ Odin ไปว่าเมื่อคราวก่อนเขาเข้าใจผิดเกี่ยวกับคำใบ้ของอักขระบนหน้ากากจึงทำให้เขาเดินทางไปผิดสถานที่ แต่ที่จะต้องไปจริงๆ นั้นคือาณาจักร Niflheim
Atreus จะต้องออกเดินทางไปพร้อมกับ Thor อีกครั้งเพื่อออกตามหาชิ้นส่วนของหน้ากากชิ้นสุดท้าย และเขาก็ได้พบกับชิ้นส่วนสุดท้ายแล้ว หน้ากากดึงดูดเข้าหากันอย่างรวดเร็วและรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ทันใดนั้น Odin ก็ปรากฎกายออกมาประหนึ่งว่าเขากำลังจับตาดู Atreus อยู่ตลอดเวลา
เตือนสติ
คนที่ไม่คาดคิดก็ปรากฎกายออกตามมาอย่างได้จังหวะเช่นเดียวกัน เหมือนกับว่ากำลังรอให้ทั้ง Odin, Atreus และ Thor อยู่ในสถานที่เดียวกัน Sif ภรรยาของ Thor ได้วาร์ปตามมาและพูดกับ Odin ว่าพ่อของ Atreus เป็นคนสังหาร Heimdall ไป แต่ทำไม Odin กลับไม่ทำอะไรเลยทั้งๆ ที่เคยบอกว่าจะเป็นคนดูแลเหล่าเทพแห่ง Aesir ไม่ให้ได้รับอันตราย แถมยังพาตัว Atreus มาดูแลที่ Asgard อีกต่างหาก เมื่อ Sif พูดจบแล้ว ฝ่าย Odin ก็ได้พูดสวนกลับไปว่านี้มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเจ้าเด็ก Atreus เลย ถ้าจะโทษก็ต้องไปโทษ Kratos พ่อของ Atreus สิ
Sif ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจกับการกระทำของ Odin ที่เลือกปฏิบัติกับคนที่มีประโยชน์กับเขาเท่านั้นและไม่ได้สนใจคำสัญญาใดๆ อย่างที่เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้จริงๆ และนั้นทำให้ Sif พยายามเตือนสติ Thor เป็นครั้งแรกว่า เจ้าเห็นรึปล่าว Thor ว่า Odin พ่อของเจ้าไม่ได้คิดที่จะปกป้องสายเลือดเทพแห่ง Aesir เลยสักนิดเดียวแถม Odin ยังหลอกใช้พวกเราทุกคนเพื่อความปราถนาของเขาเองอีกต่างหาก
แต่ Thor ดูเหมือนจะเข้าใจจุดประสงค์ที่ Sif พยายามเตือนสติเขาผิดไป Thor พยายามพุ่งเป้าไปที่ Atreus และพยายามกล่าวโทษ Atreus ว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นและทำให้ลูกของพวกเขาต้องเสียชีวิต (ความจริง Sif คงจะอยากให้ Thor ต่อต้าน Odin มากกว่า)
เมื่อ Atreus เห็นว่าท่าทีของ Thor เริ่มเปลี่ยนไปและเกรงว่าตัวเองจะได้รับอันตรายเขาจึงรีบคว้าลูกแก้วที่ Sindri เสกเวทมนตร์ประตูมิติให้ออกมาและใช้มันพาตัวเขากลับมายังบ้านของ Sindri ได้อย่างปลอดภัย
ความสูญเสีย
เมื่อ Atreus กลับมายังบ้านของ Sindri พร้อมกับนำหน้ากากที่สมบูรณ์แล้วกลับมาด้วย และเตรียมที่จะพูดคุยกับทุกคนอีกครั้งว่าควรทำอย่างไรต่อดี เพราะ Odin ต้องออกมาตามหาหน้ากากนี้อย่างแน่นอน เมื่อทุกคนมารวมตัวกันและพยายามที่จะช่วย Atreus คิดหาวิธีใช้งานหน้ากากเพื่อใช้ในการหยุดสงคราม ทันใดนั้น Týr จึงได้เสนอความคิดเห็นว่าเราควรจะนำหน้ากากนี้กลับไปยัง Asgard อีกครั้งและแอบนำมันเข้าไปใช้งาน เพื่อดูความจริงทั้งหมดก่อนที่ Odin จะใช้งานหน้ากากนี้ และ Týr ก็ได้พูดต่ออีกว่าอนที่จริง แล้วตัวเขารู้เส้นทางลับที่จะกลับไปยัง Asgard ได้ เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นก็ยิ่งแปลกใจว่าทำไมก่อนหน้านี้ Týr ถึงไม่เคยพูดเรื่องนี้มาก่อนเลย แถมยังเป็นคนเสนอขออาสานำหน้ากากกลับไปยัง Asgard ด้วยตัวเอง
Brok ที่ได้ฟัง Týr พูดอยู่สักพักและก็รู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ มีอะไรหลายๆ อย่างไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย และ Brok ก็เข้าไปพูดคุยกับ Týr ว่าทำไมถึงเป็นคนฉวยโอกาสอะไรแบบนี้ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ Týr แถบจะไม่ได้ช่วยอะไร Atreus เลย แถมยังเรียกชื่อ Atreus ว่า “Loki” อีกต่างหาก ซึ่งก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเรียก Atreus ด้วยชื่อ Loki เลยด้วยซ้ำ
ทันใดนั้น Týr ก็หยิบมีดพกข้างตัวออกมาและแทงเข้าไปที่หัวใจของ Brok และเปลี่ยนร่างกลายเป็น Odin ทุกคนในบ้านต่างตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว และ Odin ก็ได้จับ Atreus เป็นตัวประกันเพื่อแลกกับหน้ากาก จนทำให้ Freyr ผู้ที่เป็นคนถือหน้ากากไว้จำใจต้องโยนหน้ากากไปให้ Odin
เมื่อ Odin ได้หน้ากากแล้วเขาก็กำลังวาร์ปกลับไปยัง Asgard พร้อมกับหน้ากาก ทันใดนั้นเอง Kratos ก็ได้รีบขว้างหอกออกไปหวังว่าจะแย่งหน้ากากที่ Odin ถือไว้ให้หลุดออกจากมือและ Kratos ก็ทำได้สำเร็จ หน้ากากหลุดมือของ Odin ก่อนที่เขาจะวาร์ปกลับไปยัง Asgard ได้ทันเวลาอย่างฉิวเฉียด
แต่ก็เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้น Brok ที่ถูก Odin แทงด้วยมืดเข้าที่หัวใจกำลังจะตายในไม่ช้าและ Sindri เองก็รับรู้ได้ว่าตัวเองนั้นเสียใจมากขนาดไหนที่ต้องเสียสหายรักไปอีกครั้งอย่างไม่มีวันกลับ และก่อนตาย Brok ก็ได้บอกกับ Sindri ว่าจริงๆ แล้วเขารู้แล้วว่าตัวเองตายไปแล้วครั้งหนึ่งและเขาให้อภัยกับสิ่งที่ Sindri ทำและพยายามปกปิดเรื่องนี้กับเขาเป็นความลับเสมอมาในที่สุด Brok ก็จากเพื่อนรักอย่าง Sindri และทุกคนไปตลอดกาล…
ขอโทษที่เป็นต้นเหตุของความสูญเสีย
ด้วยความเสียใจจากการตายของ Brok ทำให้ Sindri สุดแสนที่จะเสียใจและวาร์ปหายตัวไปพร้อมกับ Brok โดยไม่มีใครรู้ว่า Sindri ได้หายตัวไปที่ใด แต่ดูเหมือนว่า Atreus พอจะเดาออกว่าเราจะตามหา Sindri ได้ที่ไหน
Kratos และ Atreus จึงออกตามหา Sindri อีกครั้งหลังจากที่เขาวาร์ปหายตัวไป เมื่อครั้งที่ Brok ตายและนั่นทำให้ Sindri อยากปลีกตัวไปหาที่เงียบๆ เพื่ออยู่คนเดียว แต่ Atreus รู้ดีว่า Sindri จะไปที่ใดและเขาก็บอกกับ Kratos ว่าเราต้องไปที่วิหารแห่ง Týr ที่นั้นน่าจะเป็นสถานที่ ที่ Sindri วาร์ปมาแน่นอน
เมื่อพวกเขามาถึงวิหารแห่ง Týr และได้พบเจอกับ Sindri อย่างที่คาดเดาไว้ และพวกเขาก็ได้กล่าวคำขอโทษและรู้สึกเสียใจจากก้นบึ้งของหัวใจจริงๆ ที่เป็นต้นเหตุทำให้ Brok ต้องตายจากไป แต่ Sindri เองก็ไม่อยากได้ยินอะไรจาก Atreus อีกแล้ว รวมถึงคำขอโทษหรือแม้แต่ความรู้สึกผิดที่ Atreus ทำลงไป และเขาก็บอกกับ Atreus ว่า “เจ้าเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปอย่างนั้นหรอ แต่สิ่งที่เขาได้รับต่างหากที่เรียกว่าความเสียใจ” และพยายามไล่ทั้ง Kratos และ Atreus ออกไปให้พ้นหน้าและอย่ามาให้เข้าเห็นหน้าอีก
รวบรวมพันธมิตร
เมื่อเข้าใจความรู้สึกในสิ่งที่ Sindri พูดแล้วและไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดี พวกเขาจึงได้ตัดสินใจเดินทางกลับไปหา Freya อีกครั้งที่บ้านของ Sindri เพื่อรวบกลุ่มกันใหม่ก่อนที่จะออกเดินทางไปจัดการกับ Odin แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทำให้ Odin รู้แล้วว่าพวก Kratos จะทำอะไรกับ Asgard และพวกเขาก็รู้ดีว่าที่ Asgard มีกองกำลังที่จงรักภักดีกับ Odin อยู่มากที่นั้น ทำให้ Freya เสนอว่าพวกเราเองก็ต้องการกองกำลังเพื่อที่จะต่อกรกับ Odin และกองกำลังใน Asgard เช่นเดียวกัน
แต่เราต้องการมากกว่าแค่กองกำลังตัวเล็กๆ เราต้องไปตามหาเทพ Surtr เพื่อให้เขามาช่วยเราอีกแรงหนึ่งและนับเป็นกำลังที่สำคัญกับเราเป็นอย่างยิ่ง เมื่อ Freya พูดกับ Kratos ไปสักพักเธอก็หยิบเมล็ดของต้นไม้โลกออกมาให้กับ Kratos เพื่อที่จะใช้เดินทางไปยังอาณาจักร Muspelheim เพื่อตามหาเทพ Surtr ส่วนพันธมิตรคนอื่นๆ ก็เริ่มเสนอตัวเองว่าพวกเขาจะช่วยออกไประดมกองกำลังเพิ่มให้อีก เพื่อมาช่วยในการทำศึกครั้งนี้อีกแรง และต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง
ต้นกำเนิด Ragnarok
เมื่อเราเดินทางมาถึงอาณาจักร Muspelheim ดินแดนแห่งไฟแล้ว และได้ออกตามหา Surtr จนพบแล้ว Kratos และ Atreus ก็พยายามพูดคุยกับ Surtr เพื่อเกลี่ยกล่อมให้เขามายอมมาช่วยเราต่อสู้กับ Odin แต่ดูเหมือน Surtr จะไม่ค่อยอยากมามีส่วนร่วมกับศึกครั้งนี้เท่าไหร่ เมื่อเป็นเช่นนั้นทำให้ Kratos รู้สึกว่าตัวเองคงเกลี่ยกล่อมอะไร Surtr ไม่ได้แล้วและกำลังจะกลับไปลองหาวิธีอื่นดู
Surtr ได้หันมาเห็นดาบคู่ของ Kratos ที่ดูจะเตะตาเขาและ Surtr ก็ได้เอ่ยปากบอกกับ Kratos ว่าเขาขอดูดาบเล่มนี้หน่อยจะได้ไหม เพราะดูเหมือนว่ามันจะมีพลังของไฟแห่งต้นกำเนิดสถิตอยู่ในนั้น และ Surtr ก็ได้ร่ายพลังไฟของเขาใส่เข้าไปในดาบเล่มนั้นให้กับ Kratos และดูเหมือนว่าดาบเล่มนั้นจะสามารถรับพลังไฟอันร้อนแรงของเทพ Surtr ได้เสียด้วย
หลังจากที่ Surtr ใส่พลังไฟของเขาเข้าไปในดาบให้แล้ว เขาก็ได้บอกกับ Kratos ว่าถ้าหากใช้ดาบเล่มนี้แทงเข้าไปในหัวใจของเขา หัวใจที่เป็นของเทพ Sinmara ที่ได้มอบไว้ให้ เขาอาจจะกลายเป็นสัตว์ร้ายที่เรียกว่า Ragnarok ได้อีกครั้งอย่างที่ Kratos ต้องการก็เป็นได้ แต่ Atreus ก็ได้แทรกขึ้นมาว่า แต่ท่านต้องรวมร่างกับเทพ Sinmara ไม่ใช่หรอท่านถึงจะกลายเป็น Ragnarok ได้ และ Surtr ก็ได้บอกว่าถ้าไม่ลองก็ไม่รู้หรอก เพราะเขาเองก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว
Surtr ได้บอกกับ Kratos ว่าเขาจะพาเราไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง สถานที่ที่เรียกได้ว่าเป็นการบรรจบกันครั้งแรกระหว่างอาณาจักร Niflheim และอาณาจกัร Muspelheim และกลายเป็นสถานที่แห่งอาณาจักรแรกเริ่มที่ได้ถือกำเนิดขึ้นเป็นการผสานกันของอาณาจักรน้ำแข็งและอาณาจักรแห่งไฟ
ด้วยส่วนประกอบหัวใจน้ำแข็งของ Sinmara ดาบคู่แห่งไฟแรกเริ่มและร่างกายของเทพ Surtr และด้วยการแทงดาบของ Kratos ลงไปในหัวใจน้ำแข็งก็จะทำให้เขากลายร่างเป็น Ragnarok ซึ่งเป็นร่างที่ใหญ่ยักษ์และสามารถทำลาย Asgard ได้อย่างที่ Kratos ต้องการ
Surtr, Kratos และ Atreus เดินทางเข้ามายังดินแดนแห่งการเริ่มต้น และ Surtr ได้เสกไฟใส่ไปในดาบอีกครั้งพร้อมกับบอกให้ Kratos แทงดาบที่มีไฟของเทพ Surtr เข้าไปในหัวใจของ Sinmara เพื่อให้เกิดการหลอมรวมกันของไฟและน้ำแข็งและทำให้ Surtr กลายเป็น Ragnarok เมื่อแทงดาบลงไปแล้ว Surtr ก็ได้กลายร่างเป็นไฟและน้ำแข็งที่หลอมรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันและล่วงหล่นหายลงไปในดินแดนแห่งนั้น
แต่อะไรๆ ก็ดูจะไม่ง่ายขนาดนั้นทุกการกระทำของ Kratos ดูเหมือนว่าทาง Odin ก็จะรู้ทุกอย่างและคาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าแล้ว Odin จึงได้ส่ง Valkyries มาจัดการ Kratos และ Atreus เมื่อพวกเขาจัดการ Valkyries เสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็กลับไปรวบกลุ่มกันอีกครั้งที่วิหารแห่ง Týr พร้อมกับกองกำลังที่เตรียมตัวจะเข้าร่วมในการทำศึกสงครามกับ Odin แล้ว
แม่ทัพผู้นำออกศึกสงคราม
เมื่อกลับมารวมกลุ่มกันแล้ว Freya ก็ต้องการให้ Kratos เป็นแม่ทัพในการออกไปทำสงครามในครั้งนี้เพราะดูเหมือนว่า Kratos จะมีความสามารถในด้านการรบที่ดีที่สุดในหมู่พวกเรา และ Freya อยากให้เขาไปลองคิดดูก่อน (Kratos ไม่อยากตอบรับในทันทีเพราะว่าเขาก็ไม่ได้อยากก่อสงครามและไม่ได้อยากพาทุกคนไปต่อสู้เพื่อให้เกิดความสูญเสีย จึงทำให้เขาคิดหนักในการทำหน้าที่แม่ทัพในครั้งนี้)
พอถึงในเช้าวันรุ่งขึ้น วันที่ทุกอย่างได้พร้อมแล้วสำหรับการเข้าสู่กระแสของสงครามอย่างเต็มรูปแบบและการต่อสู้ครั้งสุดท้ายกับ Odin ที่ Asgard วันที่จะเป็นทั้งจุดเริ่มต้นและจุดจบแห่งสงคราม Ragnarok เมื่อ Kratos ก็พร้อมแล้วที่จะทำหน้าที่แม่ทัพที่จะนำเหล่าพันธมิตรทั้งหลายข้ามไปยังอาณาจักร Asgard พันธมิตรทั้งหมดจึงได้เข้าไปในวิหารแห่ง Týr เพื่อเปิดประตูสู่อาณาจักร Asgard และในที่สุด Kratos ก็ได้เป่าแตรเพื่อเปิดประตูแห่งอาณาจักรทั้ง 9 และพร้อมที่จะไปทำศึกสงครามที่ Asgard แล้ว
เข้าสู่สงคราม
สงครามได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เมื่อ Kratos และกลุ่มพันธมิตรของเขาข้ามประตูมิติมาถึงหน้ากำแพงแห่ง Asgard กองกำลังพันธมิตรทั้งหมดที่เข้าร่วมสงครามก็กำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย และ Kratos พบว่า Odin กำลังใช้เครื่องจักรขนาดใหญ่ที่บังคับให้คนแคระสร้างขึ้นมา และได้ใช้มันทำลายประตูแห่งทางเชื่อมของอาณาจักร Muspelheim เพื่อไม่ให้เทพ Surtr ที่กลายร่างเป็น Ragnarok แล้วข้ามประตูมายัง Asgard เพื่อมาช่วยทำสงครามได้
เมื่อเห็นดังนั้น Kratos และ Atreus จึงต้องรีบไปทำลายเครื่องจักรนั้นอย่างไม่รีรอ ทันใดนั้น Sindri ก็ปรากฎกายออกมาจากประตูทางฝั่งอาณาจักร Svartalfheim อาณาจักรของคนแคระ แต่กลับไม่มีกองทัพพันธมิตรของคนแคระออกมาช่วยสู้แม้แต่คนเดียว และ Sindri ก็ได้บอกว่าจะไม่มีคนแคระคนไหนต้องตายอีกแล้ว และตัวเขาขอเป็นตัวแทนของคนแคระทั้งหมดเพื่อมาช่วยเหลือในสงครามในครั้งนี้เอง
ทันใดนั้นเทพที่ Kratos และ Atreus ได้คาดหวังว่าจะมาถึงก็ได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับร่างกายขนาดมหึมา นั่นคือเทพ Surtr ในร่างใหม่ที่เรียกว่า Ragnarok และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนจะเป็นปืนใหญ่ก็ได้ยิงลำแสงทั้งหมดไปยัง Surtr เพื่อทำลายร่างของเขา
Sindri ที่มาพร้อมกับแท่นตีเหล็กวิเศษที่สามารถทุบเพียงครั้งเดียวก็สามารถทำลายปืนใหญ่ทั้งหมดที่เหล่าคนแคระเป็นคนสร้างมันขึ้นมาพังลงได้ในพริบตา เมื่อทำลายปืนใหญ่ได้หมดแล้ว ชาวบ้าน Midgard ที่ Odin เคยพามาและอยู่นอกกำแพงก็ได้รับผลกระทบของสงครามและทำให้เกิดการสูญเสียทั้งๆ ที่พวกเขาเองก็เป็นผู้บริสุทธิด้วยเช่นกัน และไม่ควรมีใครได้รับผลกระทบของสงครามที่พวกเขาไม่ได้ก่อขึ้นมา
หลังจากที่ Freya และพันธมิตรเห็นการปรากฏตัวของ Ragnarok แล้ว ทั้งหมดก็กลับมารวมกลุ่มกันอีกครั้งกับ Kratos และ Freya ได้ถาม Kratos ว่าทำไมถึงหยุดโจมตี Asgard และ Kratos ก็ได้บอกกับ Freya ไปว่าเราไม่ได้มาสร้างสงครามกับ Asgard แต่เรามาเพื่อจัดการและแก้แค้นเพียงแค่ Odin เท่านั้นและเราควรช่วยเหลือผู้บริสุทธิที่ได้รับผลกระทบของสงครามในครั้งนี้ด้วย
กว่าจะได้สติทุกอย่างก็มาถึงจุดจบแล้ว
Atreus แยกตัวออกมากับ Sindri และหาทางทำลายกำแพงแห่ง Asgard เพื่อที่จะข้ามไปหลังกำแพงนั้นและไปจัดการกับ Odin เมื่อ Sindri ทำลายกำแพงและข้ามกำแพงมาแล้วทั้ง Kratos และ Atreus ก็มุ่งหน้าเข้าไปใน Asgard เพื่อตามล่า Odin ในระหว่างที่กำลังตามหา Odin อยู่นั้น Thor ก็ปรากฎกายออกมาและพุ่งเข้ามาโจมตีใส่ Kratos อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เพราะ Thor เห็นว่า Kratos กำลังอยู่ใกล้กับ Thrúd มากและคิดว่า Kratos จะทำร้ายลูกของเขา ทำให้ Thor ต้องเข้ามาขัดขวางโดยที่ไม่ด้ดูว่าสถานการณ์จริงๆ เป็นอย่างไร จึงทำให้เกิดการต่อสู้กันขึ้นระหว่าง Thor และ Kratos เมื่อต่อสู้กันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็เริ่มพูดคุยกันและเริ่มเข้าใจถึงความคิดของแต่ละฝ่าย
Kratos ก็พยายามบอกกับ Thor ว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นแบบที่เจ้าเป็นอยู่แบบนี้ต่อไปก็ได้ เจ้าเพียงแค่ต้องเป็นคนที่ดีกว่าเดิม เพื่อลูกของเจ้าไม่ใช่เพื่อตัวของเจ้าเอง เมื่อ Thor ได้ยินดังนั้นก็นิ่งไปสักพักและดูเหมือนว่า Thor เองก็ไม่ได้ต้องการทำสงครามในครั้งนี้เช่นกัน เขาเพียงแค่ไม่ต้องการเสียลูกของเขาไปอีกคนเหมือนอย่างที่ผ่านมาในอดีต
เมื่อ Kratos และ Thor พูดคุยกันเคลียร์แล้ว ทันใดนั้น Odin ก็วาร์ปมาถึงและยังงงกับสิ่งที่ยู่ตรงหน้าว่าทำไม Thor ถึงไม่จัดการ Kratos ให้มันจบๆ ไปเสียทีแถมยังพูดคุยกันราวกับว่าไม่มีสงคราม และ Odin ก็ได้พูดกับ Thor ราวกับว่า Thor นั้นเป็นเพียงเครื่องมือตัวหนึ่งที่มีไว้ทำตามคำสั่งของเขาเท่านั้นก็พอแล้ว
Thor ก็พูดกับ Odin ไปว่าเขาไม่ต้องการทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว ทำให้ Odin โกรธและไม่พอใจเป็นอย่างมากที่ Thor ต่อต้านและขัดคำสั่งของตัวเองจนในที่สุด Odin ก็ได้สังหาร Thor ด้วยหอกของเขาอย่างไม่ลังเลและ Thor ก็ได้ตายลงไปต่อหน้าต่อตา Thrúd ที่กำลังโผล่ออกมาอย่างได้จังหวะพอดิบพอดี
ต่อสู้กับ Odin
ในที่สุด Kratos และ Atreus ก็ได้ต่อสู้กับ Odin และเมื่อเรากำลังจะเสียทีให้กับ Odin ในการต่อสู้แล้ว ทันใดนั้น Freya ก็ปรากฎกายออกมาพร้อมกับบ่วงวิเศษที่ Odin เคยใช้แขวนคอตัวเองเมื่อนานแล้ว และ Freya ก็ได้ใช้บ่วงวิเศษนั้นรัดคอของ Odin ไว้ ทำให้เขาไม่สามารถใช้พลังใดๆ ได้
เมื่อ Odin ตกอยู่ในสภาพไร้ทางสู้เขาจึงพยายามพูดโน่นพูดนี้สารพัดเพื่อเอาตัวรอดจากบ่วงวิเศษที่รัดคอตัวเองอยู่จาก Freya จนกระทั่งมีจังหวะที่ Freya เผลอไปนิดเดียว และทำให้ Odin ใช้จังหวะที่ Freya เผลอนั้นเสกนกคู่กายของเขาบินไปโจมตีใส่ Freya และใช้จังหวะนั้นทำลายพื้นดินที่กำลังต่อสู้กันอยู่ให้พังทลายลงและล่วงหล่นลงไปในห้องลับชั้นใต้ดินที่มีรอยแตกของมิติแห่งความรู้ไม่จบสิ้นอยู่
หลังจากล่วงหล่นลงมาในห้องใต้ดินตรงตำแหน่งที่ใกล้เคียงกับรอยแยกของมิติ Odin ที่ได้เห็นว่าหน้ากากแห่งความหยั่งรู้ได้เรืองแสงขึ้นมา เขาจึงตัดสินใจบอกกับ Atreus ว่านี่แหละเวลาที่พวกเราทั้งหมดรอคอยและพวกเราไม่จำเป็นต้องสู้อะไรกันต่อไปอีกแล้ว
เอาเลย Atreus เจ้าสวมหน้ากากนั้นแล้วเข้าไปใกล้ๆ รอยแยกและลองถามความจริงของทั้งหมด ความหยั่งรู้อันไร้ขีดจำกัดที่มีเฉพาะเผ่ายักษ์เท่านั้นที่สามารถทำได้ Atreus คิดอยู่สักพักว่าจะทำอย่างไรกับหน้ากากนี้ดี และได้ตัดสินใจหักหน้ากากนั้นออกเป็นส่วนๆ และส่งมันกลับเข้าไปในรอยแยกแห่งมิติเหมือนเดิม
เมื่อ Atreus เลือกที่จะทำเช่นนั้นและมันขัดกับสิ่งที่ Odin ปราถนามาตลอดทำให้ Odin ที่ใช้เวลาไปเกือบทั้งชีวิตในการสืบหาข้อมูลแห่งความหยั่งรู้ทั่งปวงถึงกับเลือดขึ้นหน้าและระเบิดอารมณ์ทั้งหมดออกมาอีกครั้งและพร้อมที่จะใส่แหลกแจกหมัดกับ Kratos และ Atreus อย่างไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้ว ความปราถนาทั้งหมดของเขาพังทลายลงไปอย่างไม่มีชิ้นดี การต่อสู้สุดท้ายจึงเริ่มขึ้นจนกว่ามันจะถึงจุดจบของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
โชคชะตาที่กำหนดเอง
การต่อสู้จบลงด้วยความพ้ายแพ้ของ Odin และ Atreus ก็ได้เข้ามาพูดคุยกับ Odin โดยที่เขาได้บอกกับ Odin ว่าเรื่องทั้งหมดนี่มันจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าท่านหยุด หยุดที่จะทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้าเพื่อความปราถนาของตัวท่านเอง แต่ Odin ก็ยังคิดว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้ผิดอะไรและบอกกลับไปว่าตัวเขานั้นทำเพื่อทุกคน ทำเพื่อครอบครัว และ Odin ก็ไม่คิดว่าสิ่งที่เขาทำลงไปเป็นสิ่งที่แย่เลยสักนิด
แต่ก็ดีแล้วแหละที่ท่านพูดแบบนั้น Atreus ได้กล่าวกับ Odin พร้อมกับร่ายเวทมนตร์ย้ายวิญญาณใส่ Odin เป็นครั้งสุดท้ายและวิญญาณของ Odin ก็ได้ล่องลอยเข้ามาอยู่ในลูกแก้วแห่งยักษ์ Jötunn ภาพนิมิตรของคำทำนายที่ Atreus เคยเห็นและเป็นภาพที่เขาคิดว่าจะเป็น Kratos ที่มานอนอยู่ในอ้อมแขนของเขาและตายลงในที่สุด บัดนี้ภาพในนิมิตรตามคำทำนายนั้นได้เกิดขึ้นแล้วแต่กลับกลายเป็น Odin แทนที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา
เมื่อต้นตอแห่งความพินาศของทุกสิ่งทุกอย่างได้ตายจากไปและเข้าไปอยู่ในลูกแก้วแล้ว Atreus จึงส่งต่อลูกแก้วนี้ให้กับ Freya คนที่น่าจะเจ็บแค้นจากการถูก Odin หลอกใช้งานและหลอกลวงมากที่สุด แต่เมื่อ Freya เห็นความตายของ Odin แล้วก็รู้สึกปลดปล่อย และปล่อยวางความแค้นทั้งหมดลง เพียงพอแล้วที่ทุกอย่างออกมาเป็นแบบนี้ ความแค้นของ Freya หมดลงแล้วและเธอก็ได้ส่งต่อลูกแก้วนี้กลับคืนไปให้กับ Atreus เก็บไว้อีกครั้ง
แต่ในทันใดนั้นเอง Sindri ก็ได้วาร์ปเข้ามาพร้อมกับคว้าลูกแก้ววิญญาณของ Odin ไปจากมือของ Atreus และใช้ค้อนวิเศษของเขาทุบทำลายลูกแก้วที่มีวิญญาณของ Odin แตกสลายไปต่อหน้าต่อตาทุกคน ด้วยความโกรธแค้นและความเศร้าเสียใจที่ Odin เคยได้ทำไว้กับเพื่อนรักของเขาและจากไปอย่างไม่มีวันกลับและเขาก็ต้องการทำกับ Odin แบบนั้นเช่นเดียวกัน เมื่อทำลายลูกแก้วจนแตกละเอียดหมดแล้ว Sindri ก็วาร์ปหายตัวไปอีกครั้ง
ถึงแม้ว่า Odin จะตายไปแล้วแต่ปัญหายังไม่จบลง ยังคงเหลือ Surtr ที่กลายร่างเป็น Ragnarok ที่ยังไม่หายไปไหนและกำลังคุ้มคลั่งอยู่ด้านนอกกำแพงของ Asgard และกำลังทำลาย Asgard อย่างบ้าคลั่ง ทำให้ Kratos, Atreus และ Freya ถูกโจมตีอย่างไร้ทางหนี ทันใดนั้นพันธมิตรที่เหลืออยู่ก็ได้ปรากฎกายออกมาทั้ง Freyr และ Angrboda ก็ได้เข้ามาช่วยเหลือไว้อย่างทันเวลาพอดี พร้อมกับการสละชีวิตของ Freyr เพื่อช่วยเหลือ Freya และทุกคนให้รอดพ้นจากการโจมตีของ Ragnarok ในครั้งนี้ได้อย่างปลอดภัย และในที่สุดอาณาจักร Asgard ก็ได้พังทลายลงไปดั่งเช่นคำทำนาย
จุดจบคือ จุดเริ่มต้น
Aretus ตื่นขึ้นมาหลังการพังทลายลงของอาณาจักร Asgard และได้พบกับทุกคนที่รอดชีวิตอีกครั้ง พร้อมกับการออกตามหา Kratos แต่ก่อนจะได้พบกับ Kratos เขาก็ได้เดินไปตามทางเรื่อยมาจนเกือบจะสุดทางและได้พบกับ Angrboda และเธอก็ได้พา Atreus ไปดูอะไรบางอย่างพร้อมๆ กับ Kratos ที่เดินเข้ามาพอดี และสิ่งนั้นก็คือแท่นบูชาที่เป็นคำทำนายสุดท้ายที่ Angrboda ได้พบมันแต่แท่นบูชานี้ดูต่างออกไปจากแทนบูชาอื่นๆ ที่เคยเจอ
เมื่อเปิดดูคำทำนายข้างในจึงได้รู้ว่าคำทำนายนี้เป็นสิ่งที่แม่ของ Atreus ได้ทำลายมันไปก่อนหน้านี้เพื่อปกปิดโชคชะตาของทั้ง Kratos และ Atreus ที่จะต้องเจอและทำให้ทั้งสองคนได้เลือกโชคชะตาของตัวเองที่ต่างออกไปด้วยตัวเองแทน และ Atreus ก็ได้ตัดสินใจพูดกับ Kratos เป็นครั้งสุดท้ายว่าเขาต้องการที่จะออกไปตามหาบรรดายักษ์ที่ยังอาจมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่งในดินแดนที่ยังเหลืออยู่
และในที่สุดการเดินทางทั้งหมดก็มาถึงการจากลาครั้งสุดท้ายระหว่าง Atreus ในฐานะ Loki ผู้ที่ต้องการทำหน้าที่ในการออกตามหายักษ์ที่ยังมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่งและ Kratos ผู้เป็นพ่อที่คอยดูแลลูกมาจนถึงจุดสิ้นสุดการเดินทางร่วมกัน
ความผูกพันธ์ที่ไม่อาจเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ ความเศร้าใจของการจากกันที่ไม่อาจเข้าไปห้ามอะไรในการตัดสินใจได้ เพราะ Kratos เชื่อว่า Atreus โตมากพอแล้วที่จะตัดสินใจอะไรเองและเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเชื่อมั่นและเขาทำได้เพียงแค่เชื่อมั่นในตัวลูกของเขาเช่นเดียวกับที่ Atreus ก็เชื่อในตัวพ่อของเขาเช่นเดียวกัน
เมื่อจากลากับ Atreus เรียบร้อยแล้ว Kratos ก็ได้กลับมาปิดบานประตูของแท่นบูชาที่เปิดเอาไว้และบังเอิญได้พบเจอกับคำทำนายที่เขียนไว้ด้านหลังแท่นบูชา และเขาพบว่ามันเป็นคำทำนายของตัวเขาเอง Kratos ก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขาในอนาคตข้างหน้า
แต่ในคำทำนายได้กล่าวถึง Kratos ว่าตัวเขาจะได้รับการบูชาและการสรรเสริญในฐานะเทพอย่างแท้จริง เทพที่มีคนรักและเคารพเขาอย่างที่ตัวเขาเองก็ไม่เคยคาดคิดคาดฝันมาก่อนในชีวิต สิ่งนี้ทำให้ Kratos รู้สึกยินดีและซาบซึ้งใจกับเส้นทางข้างหน้าที่เขาจะต้องเดินทางต่อไปและสักวันตัวเขาจะเป็นไปได้ดั่งคำทำนายที่เขาเห็นในสักวันหนึ่ง
การเดินทางต่อจากนี้จะเป็นการเดินทางหลังจากที่ Asgard ล่มสลายลงไปแล้ว และยังมีเรื่องราวที่ต้องทำต่อไปอีก นั้นคือการฟื้นฟูอาณาจักรที่ยังเหลืออยู่และอาณาจักรที่ได้รับผลกระทบจากเศษซากของการพังทลายลงของอาณาจักร Asgard ให้ดีขึ้น เส้นทางที่ Kratos, Freya และ Mimir ได้เลือกร่วมกันเป็นครั้งสุดท้ายและจุดเริ่มต้นใหม่ก็ได้เริ่มขึ้นอีกครั้งแล้วต่อจากนี้
การเดินทางระหว่างความผูกพันธ์ของพ่อและลูกได้จบลงไปแล้ว และการเดินทางครั้งใหม่ก็ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง….
จบ…เนื้อเรื่องเกม God of War Ragnarok ในส่วนของเนื้อเรื่องหลักกันไปแล้ว
GameTonix ขอบคุณทุกท่านจากใจจริงๆ ที่ได้ติดตามอ่านเนื้อเรื่องเกม God of War Ragnarok ตั้งแต่ต้นเรื่องใน Part 1 จนมาถึงบรรทัดสุดท้ายของเนื้อเรื่องตรงนี้ใน Part 2 ถึงแม้ว่า เนื้อเรื่องเกม God of War Ragnarok จะยาวเหยียดแบบสุดใจเลยก็ตาม
ซื้อผ่านร้านค้าใน Shopee ได้ที่ https://shope.ee/2fnLWgQsVh
ที่มา: Gametonix – Original Content
