ดันเจี้ยน Temple ใน Ragnarok Origin นำเสนอรูปแบบการเผชิญหน้าที่แสนท้าทาย ซึ่งต้องใช้กลยุทธ์และการเลือกการ์ดอย่างระมัดระวังและรอบคอบ บทความนี้จะให้คำแนะนำในเชิงลึกเกี่ยวกับรูปแบบการเล่น Temple ในเกม รวมถึงคำแนะนำการ์ด คำอธิบายทักษะ และข้อมูลเจาะลึกของวิธีผ่านด่าน Nightmare Temple!
Temple of Nightmare
A. Grief of Hell – Grom (Big-Earth-Invisible)
Temple-Grom เชื่อว่าด่านนี้จะสร้างความลำบากใจให้แก่ผู้เล่นพอสมควร วันนี้เราจะมาแนะนำเคล็ดลับในการผ่านด่านให้ทุกท่านได้ทราบกัน เพื่อให้ชัยชนะครั้งนี้ของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น
การ์ดแนะนำ:
- ผ้าคลุม: Orc Baby, Earthworm
- โล่: Penomena, Munak
- เกราะ: Sandman, Pasana
- หมวก: Giearth
- อาวุธ: Minorous, Peco-peco egg
สกิลบอสและเทคนิคพิเศษ:
- เอฟเฟ็กต์ฉาก: เสาหินจะสุ่มตกลงมาเป็นระยะๆ สร้างความเสียหายให้กับผู้เล่น ผู้เล่นจะต้องทำการหลบหลีกมันให้ได้
- หลังจากกำจัด “มนุษย์ทราย” สามคนในตอนเริ่มต้น เสาหินสองต้นจะปรากฏขึ้น จะต้องทำการหลบเลี่ยงมันให้ได้
- สกิล (Earth Surge): สร้างรอยแตกและสร้างเสาหินที่ส่วนปลาย (ธาตุดิน)
- วิธีจัดการ: โจมตีแล้วหลบ กระจายตัวจากทีมไม่เกาะกลุ่มกัน ให้ความสนใจกับการแจ้งเตือนสกิลบนหัวของบอส หากคุณมีหุ่นดินเผา คุณสามารถข้ามขั้นตอนนี้ได้
- สกิล (Giant Horn Charge): ล็อคแบบสุ่มชาร์จแล้วพุ่งใส่ผู้เล่น สร้างความเสียหายแก่ผู้เล่นระหว่างทาง (ไม่มีธาตุ)
- วิธีการตอบโต้บอส ผู้เล่นที่เป็นเป้าหมายพุ่งชาร์จจะถอยไปยังรอบนอกและปล่อยให้บอสพุ่งชนกับเสาหิน
B. Pity of Sea – Wendine (Big-Water-Animal)
Shrine-Undine ใน Temple of Nightmare นำเสนอความท้าทายที่มีความพิเศษ เทคนิคพิเศษในการผ่านด่านนี้แบบไร้กังวล คือ
การ์ดแนะนำ:
- ผ้าคลุม: Marse
- โล่: Orc Warrior
- เกราะ: Swordfish, Dokebi, Marc, Pot Dofle
- อาวุธ: Minorous, Goblin, Drainliar
สกิลบอสและเทคนิคพิเศษ:
- ระดับการท้าทายนี้ต้องใช้สกิลที่เชื่อมโยงกัน โดยที่สกิล A จะต้องเชื่อมต่อกับสกิล B
ขั้นแรกของสกิลเชื่อมโยง: - สกิล (คลื่น): สร้างความเสียหายขนาดใหญ่ห้าชั้น คลื่นแต่ละลูกเคลื่อนที่เข้าใกล้ด้านหลังของบอส ไม่ควรยืนใกล้เกินไป
- สกิล (การพังทลายของน้ำ): หลบในตำแหน่งที่ระบุเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่เกิดขึ้น ควรยืนอยู่ทางด้านซ้ายและขวาที่ปลายคลื่น พร้อมสวนกลับสกิลทุกเมื่อ
ขั้นที่สองของสกิลเชื่อมโยง: - เมื่อ HP ของบอสถึง 80% มันจะกระโดดไปที่ตรงกลางและเรียกฝูงมอนสเตอร์ออกมาสามทิศทาง กำจัดฝูงมอนสเตอร์โดยไม่ให้พวกมันโดนบอสเพื่อป้องกันความเสียหายอย่างรุนแรงที่จะเกิดขึ้น
- สกิล (คลื่น) และ (วงนอก-วงใน) จะมีความคล้ายกัน แต่มีรูปแบบเพิ่มเติมให้ระวัง
ขั้นที่สามของสกิลเชื่อมโยง: - เมื่อ HP ของบอสถึง 40% มันจะเรียกฝูงมอนสเตอร์ในสามทิศทางอีกครั้ง กำจัดพวกมันด้วยวิธีเดิม
- แนะนำสกิลเพิ่มเติม คือ Omen of Thunder และสกิลที่ต้องใช้ในการหลบหลีก
C. Wrath of Lava – Salamander (Medium-Fire-Invisible)
Temple-Salamanda นำเสนอระดับความยากปานกลางใน Temple of Nightmare มีคำแนะนำดังนี้
การ์ดแนะนำ:
- ผ้าคลุม: Orc Baby, Jakk
- โล่: Penomena
- เกราะ: Pasana, Swordfish
- หมวก: Rampage Bigfoot
- อาวุธ: Skeleton Worker, Peco-peco egg, Vadon
สกิลบอสและเทคนิคพิเศษ:
- การท้าทายนี้จำเป็นต้องมีผู้เล่นที่มีดาเมจรุนแรงเพื่อผ่านด่าน ดาเมจของบอสจะไม่สูงมาก
- สกิลหลักที่ต้องระวังคือสกิลเชื่อมโยง (โล่-หมัดเพลิง) ซึ่งหมัดเพลิงจะปรากฏขึ้นเมื่อโล่ปรากฏขึ้น ผู้เล่นควรยืนรวมกันเพื่อแบ่งปันความเสียหาย ทำลายโล่เพื่อขัดขวางการโจมตี
- สกิลอย่าง Seed of Flame และ Burning Flames ควรจัดการอย่างมีกลยุทธ์เพื่อให้แน่ใจว่ามีตำแหน่งที่ปลอดภัยสำหรับเพื่อนร่วมทีม
D. Wind Elegy – Sylph (Stroke-Wind-Human)
Temple-Sylph นำเสนอความท้าทายที่ใช้พลังแห่งลมใน Temple of Nightmare มีคำแนะนำดังนี้
การ์ดแนะนำ:
- ผ้าคลุม: Dustiness
- โล่: Thara Frog
- เกราะ: Dokebi, Sandman, Steel Chonchon
- อาวุธ: Skeleton Worker, Hydra, Mandragora
สกิลบอสและเทคนิคพิเศษ:
- หัวใจหลักในการผ่านด่านระดับนี้ คือ การเรียกลมอย่างมีประสิทธิภาพ มอบหมายให้คนสองคนควบคุมลมและประสานงานการเคลื่อนไหวของพวกเขา
- สกิลลมพร้อมกับสกิลธาตุอื่น ๆ จำเป็นต้องมีการวางตำแหน่งเชิงกลยุทธ์และการประสานงานเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายและรักษาการควบคุม
E. Ultimate Showdown – Elemental Master(Big-Nian-Demon)
Temple-Master of Elements เป็นความท้าทายสุดท้ายใน Temple of Nightmare มีคำแนะนำดังนี้
การ์ดแนะนำ:
- เลือกการ์ดลดความเสียหายตามคุณลักษณะของธาตุทั้งสี่
- อาวุธ: Minorous, Poseidon
- สกิลบอสและเทคนิคพิเศษ:
- ในการท้าทายนี้ การ์ดเพิ่มค่าสถานะจะมีความได้เปรียบอยู่เล็กน้อย เนื่องจากบอสจะโจมตีได้ทุกธาตุ ผู้เล่นจะต้องจัดสรรกำลังคนจัดการหินธาตุแต่ละธาตุอย่างมีประสิทธิภาพ
- สกิลของบอสใช้เวลาร่าย 3 วินาที ซึ่งต้องอาศัยการสังเกตอย่างระมัดระวังและการฮีลอย่างทันท่วงที
- การอัญเชิญวิญญาณแห่งธาตุและจัดการวงกลมเวทมนตร์ที่เกิดขึ้นนั้นมีความสำคัญต่อความสำเร็จในการท้าท้ายนี้
หลังจากเรียนรู้เทคนิคพิเศษและคำแนะนำข้างต้นแล้ว คุณพร้อมจะเผชิญหน้ากับความท้าทายใน ดันเจี้ยน Nightmare Temple แล้วหรือยัง? ตะลุยดันเจี้ยน ไปพร้อมกับผองเพื่อน การวางแผนกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ จึงจะสามารถคว้าชัยชนะมาได้! สนุกไปกับดันเจี้ยนสุดมันส์ Nightmare Temple ใน Ragnarok Origin!
ปลดล็อกพลังแห่งอุปกรณ์ Divine Armaments ใน Ragnarok Origin: ยุคสมัยใหม่แห่งยุทโธปกรณ์
เริ่มต้นการเดินทางที่น่าตื่นเต้นในโลกอันน่าหลงใหลของ Ragnarok Origin ปลดล็อกพลังพิเศษของอุปกรณ์ Divine Armaments ฟีเจอร์ใหม่นี้จะเปิดใช้งานสำหรับผู้เล่นที่มีเลเวลถึง 90 มีการนำเสนออาวุธและอุปกรณ์ที่น่าเกรงขามมากมายที่จะปฏิวัติค่าพลังการต่อสู้ของคุณ เจาะลึกอาณาจักรอันน่าหลงใหลของ Divine Armaments ค้นหาศักยภาพที่ถูกซ่อนอยู่ของพวกมัน
A. ขอแนะนำอาวุธยุทโธปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ “Divine Armaments”: แสงรุ่งอรุณส่องประกาย ณ Ragnarok Origin
Divine Armaments เป็นอุปกรณ์ที่มีชื่อด้านหน้าว่า แสงรุ่งอรุณ “Dawnlight” ซึ่งบ่งบอกถึงต้นกำเนิดอันศักดิ์สิทธิ์ ตั้งแต่ชุดเกราะ Dawnlight ไปจนถึงอาวุธ Dawnlight ไอเทมอันน่าเกรงขามเหล่านี้มีความแข็งแกร่งและคุณสมบัติลึกลับที่ยิ่งใหญ่ การมาถึงของ Divine Armaments ถือเป็นจุดเปลี่ยนในการเดินทาง เพิ่มพลังการต่อสู้ให้กับคุณ เผชิญหน้าได้ทุกๆระดับความท้าทาย
B. พลังของแต่ละระดับ: ปลดปล่อยศักยภาพของ Divine Armaments!
อุปกรณ์ Divine Armaments แบ่งออกเป็นสี่ระดับ แต่ละระดับแสดงถึงระดับอำนาจและพลังที่เพิ่มขึ้น ดังนี้:
- ระดับที่หนึ่ง – สีน้ำเงิน: ระดับเริ่มต้นของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ เน้นการปรับปรุงที่สำคัญให้กับความสามารถของคุณ
- ระดับที่สอง – สีม่วง: เมื่อคุณไต่ระดับขึ้นไป คุณจะพบอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสอง ไอเทมเหล่านี้เปี่ยมไปด้วยพลังที่ยิ่งใหญ่ สร้างความได้เปรียบที่จะพลิกโอกาสการต่อสู้ให้กับคุณ
- ระดับที่สาม – สีส้ม: อาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสามเป็นข้อพิสูจน์ถึงความเชี่ยวชาญและศักยภาพที่เพิ่มขึ้นของคุณ ใช้ความสามารถอันทรงพลังเพื่อเอาชนะศัตรูด้วยพลังขั้นสุดยอด
- ระดับสี่ – สีแดง: จุดสูงสุดของความเป็นเลิศด้านอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ไอเทมระดับสี่เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งที่ไร้เทียมทาน สิ่งประดิษฐ์ในตำนานเหล่านี้จะมอบพลังที่แข็งแกร่งให้กับคุณ ทำให้คุณพร้อมเผชิญหน้ากับทุกๆความท้าทาย
C. การได้รับ Divine Armaments: ขึ้นไปบนหอคอยแห่งดวงดาว
ในการรับอาวุธศักดิ์สิทธิ์พิเศษเหล่านี้ คุณต้องเข้าไปใน Tower of Nightmare หอคอยแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองอัลเบอร์ตา มันกำลังรอคอยนักผจญภัยผู้กล้าหาญมาทำการสำรวจ!!
ภายในหอคอยที่น่าเกรงขามเหล่านี้ คุณจะต้องเผชิญหน้ากับการท้าทาย เอาชนะการทดสอบ ก้าวข้ามขีดจำกัดของคุณ ความยากของหอคอยแต่ละระดับจะเป็นตัวกำหนดระดับของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่คุณสามารถรับได้ เมื่อคุณพิชิตความท้าทายในระดับที่สูงขึ้น โอกาสในการได้รับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เหนือกว่าก็จะเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
D. กำหนดโชคชะตาของคุณด้วยการเสริมประสิทธิภาพอุปกรณ์ Divine Armaments
เมื่อคุณได้รับ Divine Armament แล้ว มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นการเดินทางของคุณในการปลดล็อกศักยภาพยุทโธปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ควบคุมพลังไอเทมพิเศษเหล่านี้ ปรับแต่งศักยภาพอันทรงพลังให้กับพวกมัน อัปเกรดและเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด
แสงอันศักดิ์สิทธิ์ของยุทโธปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ Dawnlight อานุภาพของ Divine Armaments สร้างความรุ่งโรจน์ให้กับเกียรติยศของคุณใน Ragnarok Origin
E. ก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่
ด้วยการเปิดตัวของ Divine Armaments ใน Ragnarok Origin บทใหม่ ที่จะเผยออกมา นำเสนอโอกาสที่ไร้ขอบเขตสำหรับการเติบโตและการสำรวจ ปลดล็อกความลับของ Tower of Nightmare และก้าวขึ้นสู่ระดับใหม่ของพลังด้วยสิ่งประดิษฐ์ในตำนานเหล่านี้ พิชิตความท้าทาย หล่อหลอมโชคชะตาของคุณ และปล่อยให้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ส่องสว่าง นำทางสู่ความยิ่งใหญ่ของคุณ
เตรียมตัวให้พร้อม เหล่านักผจญภัย ยุคสมัยกำลังเปลี่ยนไปพร้อมกับการมาถึงของ Divine Armaments
ใน Ragnarok Origin โชคชะตากำลังรอคุณอยู่ รุ่งอรุณแห่งยุคใหม่กำลังร้องเรียกหาคุณ!
Facebook Thai: https://bit.ly/45GlTKN
Discord: https://bit.ly/3WOFKne
Apple Store & Google Play: https://bit.ly/3qmI7RQ
ข่าวประชาสัมพันธ์โดย Midas PR Group